Last Updated on 10 มีนาคม 2020 by puechkaset
เกาลัด (Chestnut) เป็นไม้ยืนต้นที่นิยมนำเมล็ดมาคั่วรับประทาน เนื่องจากเมล็ดมีเนื้อเมล็ดขนาดใหญ่ เมื่อคั่วสุกจะมีสีเหลืองนวล มีรสมัน หวานเล็กน้อย และมีกลิ่นหอม จึงเป็นที่นิยมรับประทานมากของคนเอเชีย
• ตระกูล : Fagaceae
• ชื่อวิทยาศาสตร์ : Castanea spp.
• ชื่อสามัญ : Chestnut
• ชื่อท้องถิ่น :
ภาคกลาง และทั่วไป
– เกาลัด
ภาคใต้
– หงอนไก่ใบใหญ่
• จีน : เท็งท้อ (Theng-tho)
ถิ่นกำเนิด และการแพร่กระจาย
เกาลัด เป็นพืชที่พบได้ในหลายประเทศ ทั้งเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ซึ่งแตกต่างกันหลายสายพันธุ์ แต่ที่พบปลูก และนิยมนำเมล็ดมารับประทานมาก คือ เกาลัดจีน ซึ่งพบปลูกมาในแถบประเทศจีนตอนใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยด้วย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น
เกาลัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ มีลำต้นสูงได้มากกว่า 20 เมตร เปลือกมีสีดำหรือน้ำตาลอมดำ และปริแตกเป็นร่องลึกในแนวตั้งตามยาวลำต้น ส่วนกิ่งอ่อนหรือปลายกิ่งมีขนสีเทานุ่มปกคลุม
![%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%941](http://puechkaset.com/wp-content/uploads/2016/12/ต้นเกาลัด1.jpg)
ใบ
เกาลัดเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ออกใบเดี่ยวเยื้องสลับกันตามปลายกิ่ง ใบเกาลัดมีลักษณะแตกต่างกันตามสายพันธุ์ อาทิ เกาลัดจีนเป็นรูปหอก ก้านใบเรียว ยาวประมาณ 1.0-2.5 เซนติเมตร ถัดมาเป็นหูใบ มีรูปหอก ปลายแหลม ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร และมีขนนุ่มสั้นปกคลุม ส่วนแผ่นใบกว้างประมาณ 3.5-7.0 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-22 เซนติเมตร โคนใบสอบ ปลายใบแหลม แผ่นใบค่อนข้างหนา และแข็งกระด้าง ขอบใบหยัก และมีติ่งหนาม แผ่นใบด้านบนมีสีเขียวสด แผ่นใบด้านล่างมีสีเขียวนวล และมีขนสั้นปกคลุม แผ่นใบมีเส้นกลางใบสีขาวอมเขียวชัดเจน และมีแขนงใบข้างละ 10-21 เส้น
ดอก
เกาลัดทุกสายพันธุ์ออกดอกเป็นช่อ แต่ละชนิดมีลักษณะดอกแตกต่างกัน อาทิ เกาลัดจีนมีดอกออกเป็นช่อยาว จำนวนหลายช่อที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อยาวประมาณ 5-15 เซนติเมตร บนช่อประกอบด้วยดอกขนาดเล็กจำนวนมาก โดยกลางช่อดอกถึงปลายช่อดอกจะเป็นดอกเพศผู้ ตัวดอกมีกลีบเลี้ยง 6 แฉก ไม่มีกลีบดอก ด้านในเป็นเกสรสีน้ำตาลอมเหลือง 10-12 อัน ส่วนโคนช่อดอกเป็นดอกเพศเมีย ตัวดอกมีเกล็ดแข็งหุ้มกลีบเลี้ยงมี 6 แฉก ไม่มีกลีบดอก ส่วนด้านในเป็นรังไข่ มี 4-6 ช่อง
ผล และเมล็ด
ผลเกาลัดออกรวมกันเป็นช่อ แต่ละช่อมีผลประมาณ 2-5 ผล กลุ่ม ผลมีรูปกลม และค่อนข้างแบน ผลอ่อนมีเปลือกสีเขียว ผลสุกมีสีแดงหรือสีแสด เปลือกผลมีทั้งชนิดเรียบ และชนิดที่มีหนาม ซึ่งอาจเป็นหนามห่างๆหรือเป็นขนนุ่มคล้ายกำมะหยี่ขนาดเล็กปกคลุม ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ขนาดผลประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร เมื่อผลแก่ ผลจะปริแตกออกด้านข้าง ด้านในผลมีเมล็ด 1-3 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะทรงกลม หรือกลมแบนเล็กน้อย เปลือกเมล็ดมีสีน้ำตาลอมดำหรือสีดำ เปลือกค่อนข้างหนา และแข็ง ขนาดเมล็ดประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร ด้านในเมล็ดเป็นเนื้อเมล็ดสีขาวอมเหลือง เนื้อเมล็ดเมื่อถูกความร้อนจะเป็นสีเหลืองนวลหรือเหลืองเข้ม มีรสหวานมัน และมีกลิ่นหอม นิยมนำมาคั่วไฟรับประทาน ทั้งนี้ เกาลัดจะติดผลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกันยายน-เมษายน
พันธุ์เกาลัดที่นิยมปลูก
1. เกาลัดจีน (Chinese chestnut) Castanea mollissima Blume
เกาลัดจีน เป็นเกาลัดที่นิยมรับประทานมากในแถบประเทศเอเชีย รวมถึงประเทศไทย เพราะมีเมล็ดขนาดใหญ่ เนื้อเมล็ดมาก เนื้อแน่น หอม และหวานเล็กน้อย ซึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้ ที่ชอบอากาศค่อนข้างเย็น ไม่หนาวมาก สามารถปลูกได้ในประเทศไทย โดยเฉพาะแถบภาคเหนือ
![%e0%b8%9c%e0%b8%a5%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%941](http://puechkaset.com/wp-content/uploads/2016/12/ผลเกาลัด1.jpg)
![](http://puechkaset.com/wp-content/uploads/2016/12/เมล็ดเกาลัด1.jpg)
2. เกาลัดญี่ปุ่น (Japanese chestnut) Castanea crenata Sieb & Zucc.
เกาลัดญี่ปุ่น เป็นเกาลัดอีกชนิดของเอเชียที่มีลักษณะเมล็ดคล้ายกับเกาลัดจีน แต่ต้องการอากาศที่หนาวเย็นมากกว่าเกาลัดจีน พบปลูกมากบริเวณแถบพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ทั้งในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และจีน
3. เกาลัดยุโรป (European chestnut) Castanea sativa Mill
เกาลัดยุโรป เป็นเกาลัดที่มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศยุโรป พบปลูกมากในประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส สเปน และประเทศในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอื่นๆ เป็นพันธุ์ที่ต้องการอากาศหนาวเย็นมากกว่าพันธุ์ในเอเชีย มีรสชาติค่อนข้างหวานกว่าพันธุ์อื่นๆ จึง เรียกว่า Sweet Chestnut
4. เกาลัดอเมริกา (American Chestnut) Castanea dentata Borkh.
เกาลัดอเมริกา เป็นเกาลัดที่เติบโต และต้องการอากาศหนาวเย็นสูง พบปลูกมากในประเทศอเมริกา โซนหนาว
5. เกาลัดลูกผสม (Castanea hybrid)
เกาลัดลูกผสม เป็นเกาลัดที่เกิดจากการนำเกาลัดสายพันธุ์ต่างๆมาผสมกัน อาทิ ในสหรัฐอเมริกาได้นำเกาลัดจีนเข้ามาปลูก และผสมข้ามสายพันธุ์กับเกาลัดอเมริกา หรือปรับปรุงพันธุ์ให้เหมาะกับพื้นที่ของประเทศตนเอง
เกาลัดสายพันธุ์อื่นๆ
ที่มา : (1)
ประโยชน์เกาลัด
1. เมล็ดเกาลัดมีเนื้อเมล็ดขนาดใหญ่ เมื่อนำมาคั่วจะมีสีเหลืองนวล มีรสหวานมัน และมีกลิ่นหอม จึงนิยมปลูกเพื่อนำเมล็ดมาคั่วรับประทาน
2. ต้นเกาลัดใช้ปลูกเป็นไม้ประดับดอก เนื่องจาก ผลมีสีแดงสดสวยงาม
3. เมล็ดเกาลัดนอกจากใช้รับประทนเป็นอาหารแล้ว ยังนำมาสกัดหรือบดเป็นแป้งสำหรับใช้ทำขนมหวาน
4. เมล็ดเกาลัดใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์
5. เปลือกผลนำมาต้มย้อมผ้า ให้ผ้าสีแสดหรือสีแดงอมส้ม
6. เนื้อไม้ใช้ในงานก่อสร้างหรือแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์
คุณค่าทางโภชนาการเมล็ดเกาลัด (เนื้อเมล็ดคั่วสุก 100 กรัม)
Proximates | ||
น้ำ | กรัม | 8.90 |
พลังงาน | กิโลแคลอรี่ | 363 |
โปรตีน | กรัม | 6.82 |
ไขมัน | กรัม | 1.81 |
คาร์โบไฮเดรต | กรัม | 79.76 |
Minerals | ||
แคลเซียม | มิลลิกรัม | 29 |
เหล็ก | มิลลิกรัม | 2.29 |
แมกนีเซียม | มิลลิกรัม | 137 |
ฟอสฟอรัส | มิลลิกรัม | 155 |
โพแทสเซียม | มิลลิกรัม | 726 |
โซเดียม | มิลลิกรัม | 5 |
สังกะสี | มิลลิกรัม | 1.41 |
Vitamins | ||
วิตามิน C | มิลลิกรัม | 58.5 |
ไทอะมีน | มิลลิกรัม | 0.260 |
ไรโบฟลาวิน | มิลลิกรัม | 0.293 |
ไนอะซีน | มิลลิกรัม | 1.300 |
วิตามิน B-6 | มิลลิกรัม | 0.666 |
โฟเลต | ไมโครกรัม | 110 |
วิตามิน B-12 | ไมโครกรัม | 0.00 |
วิตามิน A, RAE | ไมโครกรัม | 16 |
วิตามิน A, IU | IU | 328 |
วิตามิน D (D2 + D3) | ไมโครกรัม | 0.0 |
วิตามิน K | ไมโครกรัม | 34.1 |
Lipids | ||
กรดไขมันอิ่มตัวทั้งหมด | กรัม | 0.266 |
กรดไขมันอิ่มตัว ชนิดสายเดี่ยวทั้งหมด | กรัม | 0.945 |
กรดไขมันอิ่มตัว ชนิดหลายสายทั้งหมด | กรัม | 0.489 |
คอลเลสเตอรอล | มิลลิกรัม | 0 |
ที่มา : USDA Nutrient Database
สรรพคุณเกาลัด
– ช่วยบำรุงร่างกาย
– ช่วยบำรุงไต
– ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อ
– ช่วยบำรุงม้าม
– แก้โรคกระเพาะอาหาร
– ช่วยขับลม
– บรรเทาอาการไอ
– ช่วยละลายเสมหะ
– บรรเทาอาการอาเจียน คลื่นไส้
– ช่วยห้ามเลือด
– กระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด
– บรรเทาอาการถ่ายเป็นเลือด
– แก้เลือดกำเดาไหล
ที่มา : (2) อ้างถึงในไทยรัฐออนไลน์
การปลูกเกาลัด
เกาลัด ที่ปลูกในประเทศไทยส่วนมากจะนำเข้ามาจากประเทศจีน พบปลูกมากในแถบจังหวัดทางภาคเหนือบนภูเขาสูง ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน และลำปาง ซึ่งสามารถปลูกได้ด้วยต้นพันธุ์จากการเพาะเมล็ด และต้นพันธุ์จากวิธีอื่น อาทิ การตอนกิ่ง และการเสียบยอด
ขอบคุณภาพจาก tr.victarbio.com/, smileconsumer.com/, http://treepicturesonline.com/, facstaff.cbu.edu/, pixabay.com/, mcot.net/, www.bloggang.com, balllnw.com/health.html
เอกสารอ้างอิง
(1) เสริมสกุล พจนการุณ และเชวง แก้วรักษ์, 2546, การเปรียบเทียบพันธุ์เกาลัดจีนสายพันธุ์คัดเลือก-
(Castanea mollossima L.) : การเจริญเติบโต การให้ผลผลิต-
และลักษณะสัณฐานวิทยา. วารสารวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ปีที่ 2, ฉบับที่ 1.
(2) กสานติ์ หาญชนะ, 2558, การขยายพันธุ์เกาลัดจีน (Castanea mollissima Blume) และ-
มะตูม (Aegle marmelos (L.) Corrêa) ในหลอดทดลอง, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.