แอปเปิ้ล สรรพคุณ และการปลูกแอปเปิ้ล

Last Updated on 20 มิถุนายน 2016 by puechkaset

แอปเปิ้ล (Apple) เป็นจัดไม้ผลเมืองหนาวที่นิยมรับประทานกันทั่วโลก ด้วยผลขนาดพอเหมาะ ผลมีสีสันสวยงาม เปลือกผลบาง เนื้อผลกรอบ ให้รสหวานหรือหวานอมอมเปรี้ยว นิยมรับประทานเป็นผลไม้สด และแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ แยม เยลลี่ เป็นต้น

• วงศ์ : Rosaceae
• ถิ่นกำเนิด : แถบประเทศอิหร่าน
• ชื่อวิทยาศาสตร์ : Malus domestica
• ชื่อสามัญ : Apple
• ชื่อท้องถิ่น : แอปเปิ้ล

สำหรับแอปเปิ้ลที่มีจำหน่ายในประเทศไทยจะมาจาก 2 แหล่ง คือ
1. แอปเปิ้ลที่ปลูกในประเทศ แอปเปิ้ลนี้จะมีลักษณะที่สังเกตได้ คือ ขนาดผลใหญ่ ผลค่อนข้างกลมทั่วผล เปลือกผลมีสีอ่อน ไม่ค่อยมีสีสีนมากนัก
2. แอปเปิ้ลที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากประเทศในยุโรป และจากประเทศจีน มีลักษณะผลที่มีสีเปลือกสดใส เปลือกผลเป็นมันวาว ก้นผลค่อยข้างเล็ก ขนาดผลกระทัดรัด แต่ก็มีบางพันธุ์ที่มีลักษณะคล้ายกับแอปเปิ้ลของไทย เช่น บางพันธุ์ที่นำเข้ามาจากจีน

การแพร่กระจาย
แอปเปิ้ล จัดเป็นไม้เก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งจัดเป็นไม้ผลเมืองหนาวประเภทพลัดใบ โดยมีถิ่นกำเนิดในแถบทะเลแคสเปี้ยนบริเวณประเทศอิหร่านในปัจจุบัน และลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติสที่เป็นประเทสอิรักในปัจุบัน และแพร่ไปยังประเทศตามเทือกเขาคอเคซัส เช่น บริเวณประเทศอาเซอร์ไบจาน ก่อนจะแพร่เข้าสู่ยุโรป และต่อมาจากยุโรปไปที่สหรัฐอเมริกา และค่อยแพร่กระจายไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน ส่วนประเทศไทยสามารถปลูกได้ในพื้นที่ดอยสูงเท่านั้น เช่น จังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น
แอปเปิ้ล เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นสูงประมาณ 5 – 12 เมตร ลำต้นค่อนข้างกลม แตกกิ่งตั้งแต่ระดับล่างของลำต้น กิ่งมีน้อยถึงปานกลางจนแลดูทรงพุ่มค่อนข้างโปร่ง ลำต้นมีเปลือกลำต้นเรียบ สีน้ำตาลอมเทา ส่วนเนื้อไม้เป็นไม้เนื้อแข็ง

ต้นแอปเปิ้ล

ใบ
แอปเปิ้ล เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ใบแทงออกใบเดี่ยวๆ เยื้องสลับกันบนปลายกิ่ง ใบมีรูปหัวใจ สีเขียวสดออกเขียวอ่อน มีหูใบ ขอบใบหยัก แผ่นใบนูนเป็นลูกคลื่นตามร่องของเส้นใบ และใบมีขนปกคลุม คล้ายขนกำมะหยี่

ดอก
แอปเปิ้ล ออกเป็นช่อ แต่ละช่อมีดอกประมาณ 3-5 ดอก จัดเป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีกลีบรองดอก 5 กลีบ และกลีบดอก 5 กลีบ กลีบดอกมีสีขาวอมชมพู ถัดมาภายในมีเกสรตัวผู้จำนวนมาก เรียงเป็นวง 3 วง ตรงกลางมีเกสรตัวเมีย 5 อัน ถัดมาเป็นรังไข่ที่อยู่ด้านล่าง รังไข่แบ่งออกเป็น 5 ช่อง

ดอกแอปเปิ้ลจะเริ่มออกประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ และผลจะเริ่มห่ามจนเก็บผลได้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และตามประเทศที่ปลูก

ดอกแอปเปิ้ล

ผล และเมล็ด
ผลแอปเปิ้ลมีลักษณะทรงกลม มีร่องบุ๋มที่ขั้ว และก้นผล หรือกลมแบนเล็กน้อย ผลมีสีหลายสี อาทิ สีแดงอมชมพู สีชมพู สีแดง สีเขียว สีเหลือง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ขนาดผลประมาณ 5-12 เซนติเมตร เปลือกบางมาก ประมาณ 0.1-0.2 มิลลิเมตร เปลือกกับเนื้อผลติดกัน เนื้อผลหนามีความหนามาก เนื้อมีสีเหลืองนวล เป็นทรายละเอียด เนื้อกรอบ ให้รสหวานอมเปรี้ยว ส่วนตรงกลางผลเป็นที่อยู่ของเมล็ด มีลักษณะเป็นโพรงอากาศ 3-5 โพรง และมีเมล็ดแทรกอยู่ 5-10 เมล็ด/ผล

เมล็ดแอปเปิ้ลมีขนาดเล็ก มีปลายทั้งสองด้านแหลม เปลือกมีลักษณะแข็ง สีเปลือกเป็นสีน้ำตาลอมดำ เมื่อเคี้ยวจะมีรสขม

แอปเปิ้ล

พันธุ์แอปเปิ้ล
1. พันธุ์แอนนา (Anna)
พันธุ์แอนนา เป็นพันธุ์ที่ถูกพัฒนา และปรับปรุงพันธุ์ขึ้น โดย Abba Stein ชาวอิสราเอล ณ เมือง Doar Na Shomron ที่ได้จากการผสมพันธุ์พื้นเมืองผลสีแดงกับพันธุ์ Golden Delicious ที่มีผลสีเหลือง ที่ได้เริ่มปรับปรุงพันธุ์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 และได้พันธุ์สำเร็จในปี ค.ศ. 1963 มีลักษณะผลเด่น คือ ผลมีขนาดใหญ่ สีแดง เนื้อให้รสหวานอมเปรี้ยว ขั้วผลมีร่องบุ๋ม และมีประเป็นรอยด่างที่ผิวเปลือกทั่วผล ซึ่งพันธุ์นี้ที่มีปลูกในประเทศไทยจะออกดอกในช่วงเดือนกุภาพันธ์ และเก็บผลได้ประมาณเดือนมิถุนายน ซึ่งให้ผลผลิตเร็วเมื่อเทียบกับพันธุ์อื่น

2. พันธุ์เอียน เซมเมอร์ (Ein Shemer)
พันธุ์เอียน เซมเมอร์ ถูกพัฒนา และปรับปรุงพันธุ์ขึ้น โดย Abba Stein ชาวอิสราเอล เช่นกัน โดยได้จากการผสมพันธุ์ Zabidani กับพันธุ์ Golden Delicious ซึ่งปรับปรุงพันธุ์สำเร็จพร้อมกับพันธุ์แอนนา มีลักษณะผลเด่น คือ ผลมีขนาดปานกลาง เปลือกผลออกสีเหลืองอมเขียว เนื้อให้รสค่อนข้างเปรี้ยว ขั้วผลมีร่องบุ๋ม ซึ่งพันธุ์นี้มีปลูกในประเทศไทยเหมือนกัน โดยจะออกดอก และให้ผลผลิตในช่วงเดียวกันกับพันธุ์แอนนา

ประโยชน์แอปเปิ้ล
1. แอปเปิ้ลใช้รับประทานเป็นผลไม้สด ให้รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย
2. ผลแอปเปิ้ลนำมาแปรูปเป็นแยม เยลลี่ และแอปเปิ้ลดอง เป็นต้น
3. เปลือกแอปเปิ้ลที่ให้สีสันต่างๆ นำมาสกัดสีสำหรับทำสีผสมอาหาร

คุณค่าทางโภชนาการของแอปเปิ้ล (100 กรัม ที่รับประทานได้)
– คาร์โบไฮเดรต : 13.81กรัม
– น้ำตาล : 10.39 กรัม
– เส้นใย : 2.40 กรัม
– ไขมัน : 0.17 กรัม
– โปรตีน : 0.26 กรัม
– น้ำ : 85.56 กรัม
– วิตามินเอ : 0.003 มิลลิกรัม
– วิตามินบี1 : 0.017 มิลลิกรัม
– วิตามินบี2 : 0.026 มิลลิกรัม
– ไนอะซิน : 0.091 มิลลิกรัม
– วิตามินบี 5 : 0.061 มิลลิกรัม
– วิตามินบี 6 : 0.041 มิลลิกรัม
– วิตามินบี 9 : 0.003 มิลลิกรัม
– วิตามินซี : 4.60 มิลลิกรัม
– แคลเซียม : 6 มิลลิกรัม
– เหล็ก : 0.120 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส : 11 มิลลิกรัม
– โพแทสเซียม : 107 มิลลิกรัม
– สังกะสี : 0.040 มิลลิกรัม

ที่มา : 2)

สรรพคุณแอปเปิ้ล
ผลแอปเปิ้ลมีวิตามิน และกรดอินทรีย์หลายชนิดที่สามารถออกฤทธิ์ทางยาได้ อาทิ
ผล
– ป้องกันโรคมะเร็ง
– ช่วยให้ผิวพรรณดูขาว และเปล่งปลั่งขึ้น
– เปลือกที่ฝานจากผลนำมาวางทับบนใบหน้า สำหรับช่วยลดขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมให้หลุดออกได้ง่าย และยังช่วยลดกระฝ้าได้ด้วย
– ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบการยืดหด และการคล้ายตัวของกล้ามเนื้อให้เป็นปกติ
– แก้อาการมึนชา อาการเชื่องซึม ช่วยให้ระบบประสาทสัมผัสต่างๆมีความตื่นตัว
– ช่วยลดอาการหงุดหงิด และช่วยผ่อนคลายความเครียด
– ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียของร่างกาย
– ช่วยลดไขมันสะสม ช่วยให้ร่างกายได้สัดส่วน
– กระตุ้น และเสริมภูมิคุ้มกัน
– ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ช่วยป้องกัน และบรรเทาอาการโรคเบาหวาน
– ช่วยในการย่อยอาหาร และช่วยให้เจริญอาหาร
– ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน

เมล็ด (มีรสขม)
– ช่วยขับพยาธิ
– ช่วยทำให้อาเจียน

เพิ่มเติมจาก : 1)

ข้อเสนอแนะ
1. ก่อนรับประทานแอปเปิ้ล ควรนำแอปเปิ้ลมาล้างน้ำให้สะอาดก่อน เพราะมักมีสารป้องกันเชื้อรา และสารเคลือบผิวตกค้างบริเวณเปลือกผล
2. การรับประทานแอปเปิ้ลโดยไม่ปอกเปลือกออกจะทำให้ได้รับสารอาหาร และสรรพคุณทางยามากขึ้น เนื่องจากเปลือกแอปเปิ้ลที่มีสีสันต่างๆจะประกอบด้วยสารสำคัญจำนวนมาก

การปลูกแอปเปิ้ล
การปลูกแอปเปิ้ลในประเทศไทยจะปลูกได้เฉพาะในพื้นที่อากาศหนาวเท่านั้น และพบปลูกได้เพียงในบางจังหวัดที่อยู่บนดอยหรือภูเขาสูง เช่น จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย

การปลูกแอปเปิ้ลนั้น สามารถปลูกได้ด้วยการเพาะเมล็ด และวิธีอื่น เช่น การเสียยอด การตอนกิ่ง เป็นต้น

เอกสารอ้างอิง
1) วิลาวัลย์ บุณย์ศุภา, 2554. การศึกษาการหมักไวน์จากแอปเปิล.
2) USDA Nutrient database. (2010). Apple with skin (edible parts).