ถั่วลาย (Butterfly pea) สรรพคุณ และการปลูกถั่วลาย

Last Updated on 21 พฤศจิกายน 2022 by puechkaset

ถั่วลาย (Butterfly pea) จัดเป็นถั่วประเภทเถาเลื้อย นิยมใช้เมล็ดเป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ รวมถึงใช้สำหรับประกอบอาหารของมนุษย์ นอกจากนั้น ลำต้นมีประโยชน์เป็นพืชคลุมดิน และช่วยบำรุงดิน เพราะสามารถตรึงไนโตรเจนไว้ในปมรากได้

• วงศ์ : Fabaceae
• ชื่อวิทยาศาสตร์ : Centrosema pubescens Benth.
• ชื่อสามัญ : Butterfly pea
• ชื่อท้องถิ่นไทย :
ภาคกลาง และทั่วไป
– ถั่วลาย
ภาคตะวันออก
– ถั่วสะแดด (ปราจีนบุรี)

ที่มา : [5]

ถิ่นกำเนิด และการแพร่กระจาย
ถั่วลาย มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศอเมริกากลาง อเมริกาใต้ และหมู่เกาะคาริเบียน เป็นถั่วที่เติบโตได้ดีในประเทศเขตร้อนชื้น รวมถึงประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประเทศไทยนำถั่วลายเข้ามาปลูกครั้งแรกจากประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. 2498 แต่ก็เคยมีการพบเห็นถั่วลายเติบโตอยู่ในสวนยางทางภาคใต้มาก่อนนี้แล้ว ซึ่งใช้ปลูกเพื่อเป็นพืชคลุมดิน และช่วยบำรุงดิน รวมถึงนำเมล็ดมาใช้ประกอบอาหารหรือใช้เป็นอาหารสัตว์ ต่อมามีการนำถั่วลายเข้ามาจากหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์ [1]

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น
ถั่วลาย เป็นพืชล้มลุกอายุฤดูเดียว มีลำต้นเป็นเถาเลื้อย ลำเถาทรงกลม เป็นข้อๆ ค่อนข้างแห้ง และเหนียว เถาเลื้อยพาดตามพุ่มไม้หรือกิ่งไม้อื่น เถามีขนาดเล็ก 1.4-2 มิลลิเมตร เลื้อยยาวได้ 0.5-1.5 เมตร เถาแตกเถาย่อยตามข้อ ส่วนระบบรากเป็นระบบรากแก้ว รากแขนง และรากฝอย รวมถึงมีระบบรากแตกออกบริเวณข้อของโคนต้น

ใบ
ใบถั่วลายออกเป็นชุด บริเวณข้อลำต้น ประกอบด้วยก้านใบหลัก ทรงกลม ยาวประมาณ เซนติเมตร บนก้านใบหลักมีใบย่อย 3 ใบ ใบย่อยตรงกลางมีขนาดใหญ่กว่าใบย่อยด้านข้าง ใบมีหูใบเป็นแผ่นเล็กๆ ใบมีรูปไข่ ค่อนข้างยาว และแคบ ปลายใบมนหรือเรียวแหลม และค่อยๆแผ่กว้างออกจากฐานใบ แผ่นใบมีสีเขียวเข้ม เป็นมัน มีขนปกคลุม และค่อนข้างหยาบเหนียว แผ่นใบ และขอบใบเรียบ ใบกลาง กว้างประมาณ 3.3-4.2 เซนติเมตรยาวประมาณ 4.5-7.7 เซนติเมตร ส่วน 2 ใบ ด้านข้าง กว้างประมาณ 2.3-3.3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 4.4-5.4 เซนติเมตร ทั้งนี้ ดอกจะออกในช่วงเดือนตุลาคม – กันยายน

ดอก
ถั่วลายออกดอกเป็นช่อบริเวณมุมใบ จัดเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ผสมเกสรได้ในดอกเดียวกัน แต่ละช่อมีดอกย่อย 3-5 ดอก ดอกย่อยมีลักษณะคล้ายกับดอกอัญชัน แต่ดอกถั่วลายจะมีสีขาวอมม่วงหรือม่วงอ่อน ซึ่งอ่อนกว่าดอกอัญชันที่มีสีม่วงเข้มหรือน้ำเงินอมม่วง

ดอกประกอบด้วยก้านช่อดอกทรงกลม ยาวประมาณ 2.5-7 เซนติเมตร ถัดมาเป็นใบประดับ มีรูปไข่แกมขอบขนาน ยาวประมาณ 6-9 มิลลิเมตร ถัดมาเป็นกลีบเลี้ยง มีรูประฆัง ปลายกลีบแยกออกเป็น 5 แฉก ถัดมาเป็นกลีบดอก แบ่งเป็นกลีบดอกตรงกลางที่มีลักษณะกลม แผ่นกลีบมีสีขาวอมม่วง ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร โคนกลีบมีขนปกคลุม ส่วนกลีบล่างแบ่งเป็น 2 กลีบ มีลักษณะครึ่งวงกลมหรือเป็นรูปไต ขนาดใหญ่กว่ากลีบกลาง แผ่นกลีบมีสีขาวอมม่วง ส่วนด้านในมีเกสรตัวผู้ 10 อัน ส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อัน มีรังไข่อยู่ด้านล่าง

ฝัก
ฝักถั่วลาย มีลักษณะกลม ค่อนข้างแบน ตรง เรียวยาว และปลายฝักเป็นจะงอย โดยทั่วไปจะคล้ายกับฝักถั่วแดง แต่เล็ก และยาวกว่า ขนาดฝักกว้าง ประมาณ 0.5-0.6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 9.5-11.5 เซนติเมตร ฝักอ่อนมีสีเขียว ฝักแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล และแก่จัดเป็นน้ำตาลอมดำ ภายในฝักมีเมล็ดเรียงซ้อนกันตามแนวยาวของฝัก จำนวนเมล็ดประมาณ 20 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะเป็นสีเหลี่ยมขอบเหลี่ยมมน เปลือกเมล็ดมีพื้นสีเทาอมน้ำตาล และมีลายประของสีดำประ ขนาดเมล็ดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 4-5 มิลลิเมตร เมล็ด 1 กิโลกรัม มีน้ำหนักประมาณ 33,000-40,000 เมล็ด [2], [5]

ประโยชน์ถั่วลาย
1. เมล็ดถั่วลายใช้ต้มใส่น้ำตาลรับประทาน ต้มทำซุป และทำไส้ขนม เป็นต้น
2. เมล็ดถั่วลายนำมาบดแป้งดิบหรือนึ่งสุก ก่อนตากแห้ง และบดทำแป้งสุก แป้งถั่วลายใช้ทำขนมหรือไส้ขนมต่างๆ
3. เมล็ดถั่วลายแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ ซอสถั่ว และถั่วเน่า เป็นต้น
4. เมล็ดถั่วลายแปรรูปเป็นอาหารเสริมผสมกับเมล็ดธัญพืชอื่นๆ
5. เมล็ดถั่วลายใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์หรือใช้เลี้ยงสัตว์โดยตรง โดยเฉพาะไก่ และสุกร

คุณค่าทางโภชนาการเมล็ดถั่วลาย (เมล็ด 100 กรัม)

ถั่วลายรวมเปลือก ถั่วลายแยกเปลือก
Proximates
น้ำ กรัม 9.5 11.1
พลังงาน กิโลแคลอรี่ 360 354
โปรตีน กรัม 23.8 25.1
ไขมัน กรัม 2.4 2.3
คาร์โบไฮเดรต กรัม 60.9 58.2
ใยอาหาร กรัม 3.8 1.8
เถ้า กรัม 3.4 3.3
Minerals
เหล็ก มิลลิกรัม 6.6 7.2
ฟอสฟอรัส มิลลิกรัม 37 44
Vitamins
ไทอะมีน มิลลิกรัม 0.29 0.28
ไรโบฟลาวิน มิลลิกรัม 1.25 1.39
ไนอะซีน มิลลิกรัม 4.4 3.7

ที่มา : [3]

สารสำคัญ และคุณสมบัติพิเศษ
ถั่วลายมีสารสำคัญชนิดเดียวกับถั่วอื่นๆหลายชนิด คือ ที่ชื่อ ฟาซีสโอลามีน (phaseolamin) มีคุณสมบัติต้านการทำงานของเอนไซม์อะไมเลส คือ ทำให้เอนไซม์มีคุณสมบัติเป็นกลาง ทำให้การย่อยสลายแป้งได้น้อยลงหรือเป็นไปอย่างช้าๆ ปริมาณน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้รู้สึกอิ่มนาน นอกจากนั้น ร่างกายยังดึงไขมันบางส่วนออกมาชดเชยพลังงานส่วนขาดไป จนไขมันในร่างกายลดลง สรีระสมส่วน และช่วยลดความอ้วน

สรรพคุณถั่วลาย
– กระตุ้นการขับถ่าย
– แก้อาการท้องผูก
– ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร
– รักษาระดับน้ำตาลในเลือด
– ป้องกันโรคเบาหวาน
– ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด
– ช่วยลดความอ้วน ช่วยให้ร่างกายสมส่วน
– เสริมสร้างการเติบโต ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

การปลูกถั่วลาย
ถั่วลายสามารถเติบโต และปรับตัวได้ดีในประเทศเขตร้อนชื้น มีอุณหภูมิที่เหมาะสมในช่วง24 – 32 ºC และไม่ทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็น เช่น ถ้าอุณหภูมิในช่วงปลูกอยู่ในช่วง 15 – 26 ºC จะมีอัตราการเติบโตลดลงได้ถึง 6 เท่า ดังนั้น เกษตรกรจึงไม่นิยมปลูกในช่วงหน้าหนาว แต่ก็มีรายงานพบการเติบโตของถั่วลายบนที่สูง 1,260 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลในประเทศปานามา นอกจากนั้น ยังเติบโตได้ดีในพื้นที่ร้อนชื้นที่มีฝนตกชุกมากกว่าปีละ 1,000 มิลลิเมตร [4] อ้างถึงใน Hutton (1970)

ส่วนสภาพดิน พบว่า ถั่วลายสามารถเติบโตได้ดีในหลายชุดดินของไทย แต่ทั่วไปจะขึ้นได้ดีในดินร่วนปนทราย และระบายน้ำดี สามารถทนต่อความเค็ม และดินเป็นกรดได้ดี แต่ไม่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขัง

การเตรียมแปลงปลูก
– แปลงปลูกถั่วลาย ควรเป็นพื้นที่ดอนหรือมีลาดเทด้านในด้านหนึ่ง ไม่เป็นที่ลุ่มน้ำท่วมถึง เป็นดินร่วนปนทราย ไม่แนะนำปลูกพื้นที่ดินเหนียว เพราะมักเกิดปัญหาน้ำท่วมขังง่าย
– ไถพรวนดิน 1-2 รอบ พร้อมกำจัดวัชพืช โดยหว่านด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 ตัน/ไร่ การการไถ หรืออาจหว่านปุ๋ยเคมีรองพื้นร่วมด้วย ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 10-15 กิโลกรัม/ไร่

การปลูก
การปลูกถั่วลายนิยมแบบหยอดเมล็ด เพราะลำต้นเลื้อยเป็นเถา โดยขีดร่องด้วยไม้หรือใช้คราดดึงมือสำหรับทำร่อง ระยะห่างของร่องประมาณ 30-50 เซนติเมตร ก่อนโรยเมล็ดตามแนวยาวให้มีระยะห่างสม่ำเสมอ หรือ หยอดเป็นจุดๆ จุดละ 2-3 เมล็ดระยะห่างของจุดประมาณ 30-50 เซนติเมตร จากนั้น เกลี่ยหน้าดินลงกลบร่อง

การถอนต้น และการทำค้าง
เมื่อต้นเติบโตจนมีใบแท้ 3-5 ใบ ให้เลือกถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ออก เหลือต้นที่สูงใหญ่ไว้ 1-2 ต้น/หลุม พร้อมกับทำค้างปักระหว่างหลุม เช่น
– ค้างปลายไม้ไผ่ ปักระยะห่างระหว่างหลุม 2 หลุม ขึ้นกับความกว้างของแขนงไม้ไผ่
– ค้างลวด ปักเสาสูง 1.5 เมตร ระยะห่างเสา 2-4 เมตร ขึงลวดต่อกันในแต่ละเสาที่ความสูง 40, 80 และ140 เซนติเมตร ขึ้นกับความสูงของเสา

การเก็บฝัก
ฝักถั่วลาย มีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 80-120 วัน โดยเริ่มเก็บฝักได้เมื่อฝักเริ่มแห้ง ฝักเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และใบเริ่มเหลืองแล้ว การเก็บจะใช้การเด็ดฝักด้วยมือ ก่อนนำเข้าเครื่องแยกเมล็ด ส่วนเปลือกให้รวบรวมโรยลงแปลงตามเดิม พร้อมไถกลบพร้อมกับลำต้น และใบในแปลง ตัวอย่างการปลูกถั่วลายในดินชุดปากช่อง สามารถให้ผลผลิตเมล็ดแห้ง 2.88 ตัน/ไร่ [1]

ขอบคุณภาพจาก dnp.go.th/, pantip.com/

เอกสารอ้างอิง
[1] ชาญชัย มณีดุลย์, 2518, ถั่วลาย, ข่าวสารชมรมนักพืชอาหารสัตว์.
[2] สายัณห์ ทัดศรี, 2520, หลักการทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
[3] กองโภชนาการ กรมอนามัย, 2544, ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย.
[4] ประวิตร โสภโณดร, 2523, อิทธิพลของอัตราปุ๋ยฟอสฟอรัสต่อผลผลิต-
ของทุ่งหญ้าผสมระหว่างหญ้าบัฟเฟล ถั่วเซอราโตร-
ถั่วลาย และถั่วสไตโล.
[5] สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์, ถั่วลาย (ดอกสีขาว), ออนไลน์, สืบค้นเมื่อ 15 พฤษภาคม 2560, เข้าถึงได้ที่ : http://nutrition.dld.go.th/exhibision/native_grass/legume/Centrosema%20pubescens.htm/.